โทริ สัญลักษณ์ศาสนาชินโต |
ก่อนหน้าที่ประเทศญี่ปุ่นจะเข้าสู่ยุคสงครามโลก
ศาสนาชินโตก่อเกิดจากขนบธรรมเนียมประเพณีที่สืบทอดกันมาเรื่อยๆของชาวญี่ปุ่น
ซึ่งเกี่ยวกับความเชื่อเรื่องเทพเจ้าหรือคามิ ดังนั้นศาสนาชินโตจึงไม่มีคำสอนที่แนบแน่น
ไม่มีคัมภีร์ที่ตายตัวเพราะแต่ละท้องถิ่นมีความเชื่อที่แตกต่างกันออกไป ชินโต หมายถึงทางของเทพเจ้า
ด้วยเหตุนี้คนญี่ปุ่นจึงมีความเชื่อว่าประชาชนควรดำเนินชีวิตไปตามครรลองของการพร่ำสอนในเทพเจ้า
ความเชื่อแบบชินโตเน้นไปที่การอยู่ร่วมกับธรรมชาติ เพราะในธรรมชาติทุกแห่งล้วนแล้วแต่มีเทพเจ้าสิงสถิตอยู่
คล้ายๆ กับความเชื่อของศาสนาดั้งเดิม animism ดังนั้นในความเชื่อของชินโต
ทุกแห่งและทุกสิ่งล้วนมีวิญญาณอยู่ ชินโตจึงให้ความเคารพต่อต้นไม้ใหญ่ หินใหญ่
ไล่ไปจนกระทั่งเม็ดข้าวหรือเตาไฟ เป็นที่น่าสังเกตว่าศาลเจ้าชินโตจึงอยู่คู่กับต้นไม้ใหญ่เสมอ
และไม่น่าแปลกใจเลยว่าชินโตก็มีบทบาทในการรักษาธรรมชาติเช่นกัน
อาจเป็นไปได้ว่าบ่อเกิดแห่งลัทธิชาตินิยมของชาวญี่ปุ่นอาจเริ่มตั้งแต่ความเชื่อเรื่องการกำเนิดเกาะญี่ปุ่น
ตามตำนานโคจิกิและนิฮงโชกิ กล่าวถึงเทพเจ้า 2 องค์คือ อิซานากิและอิซานามิซึ่งได้รับมอบหมายให้มาสร้างเกาะญี่ปุ่น
เทพอิซานากิได้ใช้หอกรัตนะกวนน้ำในมหาสมุทร เมื่อยกหอกขึ้นน้ำหยดหนึ่งที่ไหลจากหอกนั้นหยดลงทะเลกลายเป็นเกาะโอโนโกโซ
ซึ่งเป็นเกาะหนึ่งของประเทศญี่ปุ่นและสร้างเกาะอื่นๆ ตามมา
นอกจากนี้เทพทั้งสองจึงได้สร้างทวยเทพที่อยู่ในทุกภาคพื้นไม่ว่าจะเป็นป่าเขาลำเนาไพร
ท้องฟ้าหรือทะเลขึ้น ทั้งยังสร้างมนุษย์และได้ส่ง จิมมู เทนโด
จักรพรรดิองค์แรกของญี่ปุ่นเข้ามาปกครองผู้ซึ่งสืบเชื้อสายมาจากสุริยเทพหรือพระอาทิตย์
ดังนั้นประเทศญี่ปุ่นจะต้องถูกครอบครองโดยจักรพรรดิผู้สืบเชื้อสายจากสวรรค์ไปชั่วนิรันดร์และจักรพรรดิเป็นผู้สูงศักดิ์ไม่มีใครทัดเทียมได้
ชินโตจึงส่งเสริมให้ชาวญี่ปุ่นรักชาติ รักความกล้าหาญและจงรักภักดีต่อราชบัลลังค์
แม้ชีวิตก็เสียสละได้ และต้องเชื่อผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นให้ถือเท่ากับบัญชาสวรรค์
อาจกล่าวได้ว่าเป็นความรู้สึกชาตินิยมที่เป็นความภาคภูมิใจในเผ่าพันธุ์และความความเก่าแก่ของชนชาติ
เพราะมีอ้างถึงการสืบเชื้อสายจากเทพเจ้าของผู้ปกครอง
ซึ่งต่อมากลายเป็นความเชื่อที่ได้รับการปลูกฝังในหมู่ชาวญี่ปุ่นว่าเป็นชนชาติที่พิเศษ
ต่อมาลัทธิชินโตกลายเป็นเครื่องมือในการสร้างความชอบธรรมในการแผ่ขยายอำนาจไปยังประเทศอื่น
มีการส่งพลทหารออกไปรุกรานชาติอื่นโดยอาศัยความเชื่อว่ากำลังปกป้องจักรพรรดิซึ่งสืบสายมาจากเทพเจ้าผู้ก่อตั้งประเทศโดยตรง
เมื่อครั้งที่ญี่ปุ่นชนะรัสเซียในสงครามโลกครั้งที่ 1 ยิ่งทำให้ชาวญี่ปุ่นเป็นชาตินิยมจัดมากขึ้น
ซ้ำยังฮึกเหิมมากและเป็นอย่างนี้ตลอดจนถึงสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นพ่ายแพ้สงครามอย่างยับเยินด้วยระเบิดปรมาณูลูกใหญ่ของอเมริกาที่นางาซากิและฮิโรชิมา จักรพรรดิฮิโรฮิโตประกาศว่าตนเองก็เป็นแค่มนุษย์ธรรมดา
มิใช่เทพอะไรและชินโตก็ถูกบังคับให้หมดสภาพการเป็นศาสนาประจำชาติของญี่ปุ่น
ถูกตัดงบสนับสนุน และญี่ปุ่นก็กลายเป็นรัฐฆราวาสไป
แต่มันก็ทำให้ชินโตได้กลับสู่รากเหง้าที่แท้จริงของการเคารพธรรมชาติ
โดยไม่จำเป็นต้องมีคำสอนหรือสิ่งก่อสร้างใหม่ๆ ที่อลังการโดยไม่จำเป็น
ภายหลังสงครามสิ้นสุดลง
ศาสนาชินโตมีความสำคัญน้อยลงเนื่องด้วยอิทธิพลศาสนาอื่น ผู้นำญี่ปุ่นเห็นถึงความสำคัญของการเรียนรู้จากชาติอื่น
โดยเฉพาะในช่วงที่ประเทศกำลังอยู่ในภาวะต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอด
ทำให้ผู้นำญี่ปุ่นที่แม้จะมีความคิดแตกต่างกัน
แต่มีความรักชาติเหมือนกันมีอุดมการณ์ไปในทางเดียวกันคือ
อุดมการณ์รักชาติและความสำนึกในชาติโดยมีจักรพรรดิเป็นศูนย์กลาง
ยอมรับวิธีการพัฒนาประเทศตามแนวทางของตะวันตกทั้งในด้านการทหารและอุตสาหกรรม
ปัจจุบันญี่ปุ่นได้กลายเป็นประเทศที่พัฒนาในระดับสากล
ข้อดีของลัทธิชินโตทำให้คนญี่ปุ่นมีลักษณะพิเศษคือ
การบูชาบรรพบุรุษ รักธรรมชาติ รักความสะอาด และรักชาติ จะเห็นได้ว่าชาวญี่ปุ่นมีความผูกพันธ์กับทุกสิ่ง
ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าคนตายแล้วแต่วิญญาณยังไม่ได้ตายด้วยเพราะวิญญาณนั้นเป็นอมตะ
วิญญาณจะสถิตอยู่ในโลกของวิญญาณตลอดไปไม่ไปไหน
คอยคุ้มครองและดลบันดาลให้ผู้เซ่นไหว้มีความสำเร็จดังปรารถนา ในเรื่องของการรักธรรมชาติ ศาสนาชินโตส่งเสริมให้ชาวญี่ปุ่นเป็นคนรักธรรมชาติอย่างลึกซึ้งและยังถือธรรมชาติเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์
แม้แต่ตัวชาวญี่ปุ่นเองก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติไม่แบ่งแยก ยกตัวอย่างเช่น
เมื่อยามซากุระบานผู้คนจะพากันออกมาเที่ยวชมความงามของซากุระ
คอยนั่งมองซากุระและกิ่งก้านที่แกว่งไหวไปมาตามสายลม
ความรู้สึกรักในธรรมชาติจึงทำให้ชาวญี่ปุ่นรักความงดงามด้วย การรักความสะอาด ศาสนาชินโตในตำนานแม้แต่เทพอิซานากิก็ยังชำระร่างกายให้สะอาดอยู่เสมอ
ชาวญี่ปุ่นจึงรักความสะอาดมาก
พยายามชำระร่างกายทั้งภายในและภายนอกให้สะอาดอยู่เสมอเพื่อเป็นการบูชาเทพเจ้า
อาจจะสังเกตได้ว่าเมื่อชาวญี่ปุ่นไปศาลเจ้า
ก่อนจะเข้าไปต้องชำระล้างมือล้างปากเสียก่อน เพราะความสะอาดกายถือเป็นสัญลักษณ์ของความสะอาดใจด้วย
ในส่วนของความรักชาติ ด้วยความภาคภูมิใจในแนวคิดต่อพระเจ้าจักรพรรดิว่าเป็นเชื้อสายโดยตรงจากพระอาทิตย์
เป็นเผ่าพันธุ์ของเทพเจ้าไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา ดังนั้นชาวญี่ปุ่นจึงรักชาติมาก
พยายามสร้างความเจริญให้แก่ประเทศชาติ และพยายามถนอมชาติของตนไว้อย่างดี
แต่ในขณะเดียวกันด้วยการที่คนญี่ปุ่นเป็นคนรักชาติ
รักบรรพบุรุษของตนอย่างยิ่ง
ทำให้ศาสนาชินโตกลายเป็นบ่อเกิดลัทธิชาตินิยมดังที่เห็นได้จากสงครามโลกครั้งที่ 2 เพราะศาสนาชินโตยกย่องความกล้าหาญ
ให้กล้าหาญที่จะมีชีวิตอยู่และไม่กลัวตาย เมื่อเป็นเช่นนี้ความขี้ขลาดซึ่งเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับความกล้าหาญจึงถือเป็นความชั่วและความขี้ขลาดถือว่าเป็นบาปใหญ่
ชินโตให้คุณค่าเรื่องการเคารพและซึื่อสัตย์ภักดีต่อบรรพบุรุษ จักรพรรดิ ชาติ
ความกล้าหาญ ไม่กลัวตาย ด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้เกิดลัทธิหรือแนววัฒนธรรมหนึ่งขึ้นมาในสังคมญี่ปุ่นเรียกว่า
ลัทธิบูชิโด ซึ่งเป็นวินัยของนักรบในกลุ่มชาวญี่ปุ่น
ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
ศาสนาชินโตอาจฝังรากลึกด้านแนวคิดและจริยธรรมแก่คนญี่ปุ่นมากมาย ซึ่งแท้จริงแล้วเป้าหมายของชินโตอาจจะเป็นการสร้างความปรองดอง
ความสามัคคคีมากกว่าที่จะเป็นการแข่งขันและแบ่งแยกกัน
ที่มาภาพ : https://www.kalyanamitra.org/th/article_detail.php?i=12604
ที่มาบทความ : Dek-Southeast Asia
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น