หน้าเว็บ

วันพุธที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

ปฏิบัตินิยมกับสังคมญี่ปุ่นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2

ที่มาภาพ : https://www.wayoflife.org/reports/independent_baptist_pragmatism.html
ปฎิบัตินิยม หรือ Pragmatism คือ ความรู้และความจริงที่เป็นประสบการณ์ มีการเปลี่ยนแปลง ไม่ตายตัว คือสิ่งที่เป็นประโยชน์นำมาปฏิบัติให้ผลที่เราพึงพอใจได้ ซึ่งปฎิบัตินิยมนี้เริ่มขึ้นที่อเมริกา เมื่อญี่ปุ่นแพ้สงครามโลกครั้งที่สอง ญี่ปุ่นได้ยอมรับข้อตกลงยอมแพ้สงครามของฝ่ายสัมพันธมิตรและประชาชนได้วางอาวุธตามพระราชโองการของสมเด็จพระจักรพรรดิ ญี่ปุ่นตกอยู่ใต้การควบคุมของฝ่ายสัมพันธมิตรคือ อเมริกา และช่วงนี้เองที่ญี่ปุ่นได้รับอิทธิพลแนวคิด Pragmatism จากอเมริกา ซึ่งแนวคิดนี้ก็มีลักษณะสำคัญ ได้แก่
เน้นเรื่องการลงมือปฎิบัติจริง เพราะการลงมือทำจริง คือการสร้างโอกาสแห่งความสำเร็จที่มีความเป็นไปได้ ทุกสิ่งทุกอย่างมีความเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ไม่หยุดนิ่ง ดังนั้นการลงปฏิบัติไม่ควรที่จะยึดติดกับทฤษฏีใดทฤษฎีหนึ่งตลอดไป ควรแสวงหาวิธีอื่น ถ้าทฤษฎีใดยังมีผลต่อการปฎิบัติอยู่เราก็สามารถใช้ทฤษฎีนั้นต่อไปได้ และถ้าปฎิบัติไม่ได้จริงๆ ก็ควรโยนทิ้งไป
เน้นเรื่องประสิทธิภาพในทางปฎิบัติ ทั้งนี้เมื่อปฏิบัติหรือทดลองสำเร็จสิ่งที่ควรคำนึงถึงคือ ประสิทธิภาพในการปฎิบัติ เพราะจะต้องเกิดผลในการปฎิบัติจริงๆ รวมถึงยืนยันผลของการทดลองนั้นและต้องพิสูจน์ได้
เน้นคุณประโยชน์ในทางปฎิบัติ สิ่งที่ลงมือปฎิบัติหรือทดลองนอกจากจะมีประสิทธิภาพแล้วยังต้องสร้างคุณประโยชน์ต่อโลก เพราะโลกแห่งอนาคตขึ้นอยู่กับการสร้างสรรค์ของมนุษย์ ถ้ามนุษย์หยุดนิ่งไม่กระทำการใดๆ ใหม่ๆ โลกแห่งอนาคตก็จะหยุดนิ่งเช่นกัน
เน้นประสบการณ์ ปฎิบัตินิยมสอนให้คำนึงถึงประสบการณ์ ไม่จำกัดเราอยู่ในวงแคบ ปฏิบัตินิยมจะบอกให้เรารู้ตระหนักในวิถีทางของประสบการณ์ การแสวงหาและการควบคุมประสบการณ์ซึ่งจะนำไปสู่จุดหมายของชีวิต อย่างมีประสิทธิภาพ
เน้นความเป็นปัจเจกบุคคล  มีความเข้าใจว่ามนุษย์ทุกคนมีลักษณะเฉพาะของตนทั้งท่าทาง อุปนิสัย ปัญญา ดังนั้นบุคคลที่มีความรู้เป็นเครื่องมือดีในตนเองจะไม่กลัวปัญหาและอุปสรรคใด ๆ แต่จะมองปัญหาเป็นโอกาส หรือทำวิกฤตให้เป็นโอกาส เพื่อที่จะพัฒนาศักยภาพทางการปฏิบัติของตนและทำตนให้แข็งแกร่ง เข้มแข็ง เพราะปัญหาและอุปสรรคมักทำให้บุคคลเข้มแข็งในการสู้ชีวิต สามารถใช้ชีวิตในโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
สามารถเข้าถึงได้ทุกชนชั้น แนวคิด Pragmatism ต้องเป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถลงมือปฏิบัติได้อย่างเท่าเทียม ไม่ได้จำกัดเฉพาะคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง อีกทั้งความรู้ที่ได้มาจะทำให้เกิดประสบการณ์ทางความรู้โดยตรงต่อผู้ปฏิบัติ เพราะประสบการณ์เป็นสิ่งจำเป็นต่อชีวิตของมนุษย์

ปฏิบัตินิยมกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในประเทศญี่ปุ่น
ทหารญี่ปุ่นทำลายเครื่องบินที่เหลือหลังสงรามโลกครั้งที่ 2
ที่มาภาพ : http://www.japan-in-trachoo-view.com/recovery-of-japan-after-ww2/

ชาวญี่ปุ่นได้รับแนวคิดปฏิบัตินิยมมาพัฒนาประเทศและก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง นั่นก็คือการรับเอาวิทยาการสมัยใหม่จากตะวันตกเข้ามาปรับใช้ภายในประเทศ ยกตัวอย่างเช่น


อุตสาหกรรมและนวัตกรรมเทคโนโลยีต่างๆ ด้วยแนวคิดปฏิบัตินิยมทำให้ญี่ปุ่นเปิดรับวิทยาการสมัยใหม่เข้ามาเพื่อฟื้นฟูประเทศหลังสงคราม สิ่งที่เราเห็นได้ชัดก็คือ อุตสาหกรรมและเทคโนโลยีต่างๆ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากอเมริกาและนานาประเทศ ปฎิบัตินิยมในทางปฎิบัติของญี่ปุ่นคือการเริ่มทดลองนวัตกรรมใหม่ๆ อาจมีอเมริกาเป็นแม่แบบ แต่ญี่ปุ่นมีการเน้นประสิทธิภาพและประโยชน์ใช้สอยประกอบกับแนวคิดดั้งเดิมของชาวญี่ปุ่นเองที่เป็นบุคคลรอบคอบ ใส่ใจรายละเอียดและมองเห็นคุณค่าในสิ่งแวดล้อมต่างๆ ทำให้เศรษฐกิจอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีของญี่ปุ่นเป็นที่นิยมและรู้จักไปทั่วโลกมาจนถึงปัจจุบัน
ที่มาภาพ : https://mgronline.com/japan/detail/9600000109534

การแพทย์ ปัจจุบันนวัตกรรมด้านการแพทย์ของญี่ปุ่นถือว่าได้รับการยอมรับกันอย่างแพร่หลาย ทั้งยังมีบุคลากรที่เป็นผู้เชี่ยวชาญ มีทักษะและประสบการณ์รวมถึงคำแนะนำที่ฉลาดในการดำรงชีวิต ช่วยให้สุขภาพของชาวญี่ปุ่นดีขึ้น จากการที่เห็นได้สถิติผู้สูงอายุในประเทศญี่ปุ่นมีอายุเฉลี่ยยาวนานกว่าประเทศอื่น นั่นเป็นเพราะวิทยาการเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ก้าวหน้า ผลจากการทดลองตัวยาและโภชนาการอาหารที่พยายามพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ ไม่หยุดนิ่ง
ที่มาภาพ : https://www.wegointer.com/2013/04/เปิดเผยแนวทางปฏิรูปการ/

การศึกษา ถือเป็นส่วนสำคัญที่สุดต่อการพัฒนาประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากปฏิบัตินิยมที่เรื่องเน้นการลงมือปฏิบัติมากกว่าการยึดติดในตัวทฤษฎีทำให้เกิดประสบการณ์ทำให้เกิดการแสวงหาซึ่งจะนำไปสู่จุดหมายของชีวิต อย่างมีประสิทธิภาพ ความรู้ที่ได้จากการศึกษาจะมีฐานะเป็นเครื่องมือในการทำงาน ปฏิบัตินิยมจึงส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้อยู่เรื่อย ๆ ไม่หยุดนิ่ง เพราะโลกของเราเปลี่ยนแปลงเร็วและมีปัญหาใหม่ ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา ผู้เรียนจึงจำเป็นต้องศึกษาหาความรู้อยู่เสมอทั้งในห้องเรียน นอกห้องเรียน และตามอัธยาศัยเพื่อสะสมความรู้ใส่ตัวไว้ให้มากที่สุดเอาไว้ เป็นเครื่องมือในการทำงานเพื่อเป็นเข็มทิศบอกว่าจะทำอย่างไรและแก้ไขปัญหาอย่างไร ชาวญี่ปุ่นจึงกระตือรือร้นในการเรียนเพื่อตั้งใจสอบเข้ามหาวิทยาลัยดีๆ และใช้เวลาว่างจากการเรียนทำงานพาร์ทไทม์เพื่อหาประสบการณ์ให้กับตนเอง

ที่มาภาพ : https://pasona.co.th/b/1149

การดำรงชีวิต ญี่ปุ่นคือสังคมที่ขึ้นชื่อว่าการทำงานสำคัญที่สุด ในทางปฎิบัตินิยมสังคมญี่ปุ่นจะวัดเรื่องประสิทธิภาพทางการทำงานของแต่ละบุคคล โดยถือว่าค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน การผลิตงานของบุคคลว่าดีหรือไม่ดีอย่างไร ประสิทธิภาพของงาน การสร้างสรรค์ สามารถดูได้ที่ผลของงาน แนวคิดนี้จึงนิยมนำมาใช้ในสถาบันการศึกษา บริษัท และห้างร้านต่าง ๆ โดยประเมินดูจากผลงานที่ปฏิบัติการจริงของบุคลากรในสถาบัน บริษัท และห้างร้านนั้น ๆ ว่าเป็นอย่างไร อีกทั้งเป็นวิธีการกระตุ้นให้บุคลากรและหน่วยงานทำงาน สร้างสรรค์งาน ให้คุ้มค่า คุ้มทุน และก่อเกิดประโยชน์ให้มากที่สุด พนักงานส่วนใหญ่ของญี่ปุ่นจึงทำงานหามรุ่งหามค่ำและทุมเทกับการทำงานอย่างเต็มที่


ทั้งหมดนี้ถือเป็นตัวอย่างแนวคิดปฎิบัตินิยมที่ญี่ปุ่นรับเข้ามาพัฒนาประเทศของตน และเป็นสิ่งที่สะท้อนว่า การทดลองและการแสวงหาความสำเร็จของชาวญี่ปุนสามารถเอาชนะปัญหาและอุปสรรคทั้งปวงได้ ทั้งนี้ความรู้เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตเพราะความรู้และความคิดเป็นเครื่องมือของการเปลี่ยนแปลง


ที่มาบทความ :

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น