หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2562

พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม พ.ศ. 2559




ศิลปะการแสดงโขนไทย
ที่มาภาพ : เพจ ASEAN มอง ไทย

มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมอันหลากหลายและทรงคุณค่าของชนชาติไทยเหล่านี้ ล้วนกำเนิดขึ้นจากความคิดสร้างสรรค์และองค์ความรู้ของบรรพบุรุษ โดยได้มีการพัฒนา สั่งสม ปรับประยุกต์ไปตามกาลเวลา กระทั่งกลายเป็นมรดกทางวัฒนธรรม อันเป็นอัตลักษณ์ของแต่ละชุมชน ซึ่งถูกสืบทอดมายังคนรุ่นหลังให้เกิดความภาคภูมิใจในความเป็นชาติไทย

ความหมายของ มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม พ.ศ. 2559 มาตรา 3 ให้ความหมายว่า ความรู้ การแสดงออก การประพฤติปฏิบัติ หรือทักษะทางวัฒนธรรมที่แสดงออกผ่านบุคคล เครื่องมือ หรือวัตถุ ซึ่งบุคคล กลุ่มบุคคล หรือชุมชนยอมรับและรู้สึกเป็นเจ้าของร่วมกัน และมีการสืบทอดกันมาจากคนรุ่นหนึ่งไปยังคนอีกรุ่นหนึ่งโดยอาจมีการปรับเปลี่ยนเพื่อตอบสนองต่อสภาพแวดล้อมของตน 

โขน
ที่มาภาพ : https://hilight.kapook.com/view/151099

 การประกาศขึ้นทะเบียนพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมมีความสำคัญต่อคนในสังคมและประเทศชาติ ดังนี้

1.       มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมเป็นสมบัติล้ำค่าที่บรรพบุรุษได้มีการสร้างสรรค์และสืบทอดในชุมชนจากคนรุ่นหนึ่งมายังอีกรุ่นหนึ่ง จึงควรค่าแก่การรักษาไว้
2.       การเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรม รวมถึงกระแสการพัฒนาของโลก ได้ส่งผลให้มรดกทางวัฒนธรรมของไทยหลายอย่างกำลังจะสูญหายไป การประกาศขึ้นทะเบียนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ จึงเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้คนไทยภาคภูมิใจในวัฒนธรรมของตนและช่วยกันปกป้องมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของท้องถิ่นและของชาติให้คงอยู่สืบไป
3.       การนำมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมไปใช้ในทางที่บิดเบือนไม่เหมาะสม เป็นสาเหตุให้มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมต้องเสื่อมสูญไป ดังนั้นการประกาศขึ้นทะเบียนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติจึงเป็นส่วนสำคัญการปกป้องมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม
4.       มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ช่วยสร้างอัตลักษณ์ของคนในชุมชนที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมและชาติพันธุ์ ให้มีความเข้มแข็ง มีปฏิสัมพันธ์ และสามารถอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขบนพื้นฐานของวัฒนธรรมดั้งเดิมของแต่ละกลุ่มชน
5.       มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมช่วยในการอธิบายกำเนิดอัตลักษณ์ของกลุ่มชนและพิธีกรรมต่างๆ

ผ้าทอมือ
ที่มาภาพ :https://hilight.kapook.com/view/151099
เครื่องบูชาอย่างไทย
ที่มาภาพ : https://hilight.kapook.com/view/151099

ลักษณะของมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่ได้รับการส่งเสริมและรักษา ตามมาตรา
4 จะต้องมีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนี้
1.       วรรณกรรมพื้นบ้านและภาษา
2.       ศิลปะการแสดง
3.       แนวทางปฏิบัติทาสังคม พิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล
4.       ความรู้และการปฏิบัติเกี่ยวกับธรรมชาติและจักรวาล
5.       งานช่างฝีมือดั้งเดิม
6.       การเล่นพื้นบ้าน กีฬาพื้นบ้าน และศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัว
7.       ลักษณะอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง




ชุดรดน้ำดำหัว
ที่มาภาพ : https://hilight.kapook.com/view/151099

มวยคาดเชือก
ที่มาภาพ : https://hilight.kapook.com/view/151099


ปี พ.ศ. 2552 กระทรวงวัฒนธรรมได้ขึ้นทะเบียนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมเป็นปีแรก สำหรับในการประกาศใช้พระราชบัญญัติ ปี พ.ศ. 2559  กระทรวงวัฒนธรรมได้ดำเนินการผ่านการพิจารณากลั่นกรองตามหลักเกณฑ์ ซึ่ง คณะกรรมการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม มีอำนาจหน้าที่ พิจารณาให้ความเห็นชอบการขึ้นทะเบียนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม กำกับ ติดตามและประเมินผลการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม เพื่อคุ้มครอง ป้องกันไม่ให้มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่ขึ้นทะเบียนไว้เกิดความเสียหาย โดยมีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ทำหน้าที่เป็นสำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม

ประเพณีสงกรานต์
ที่มาภาพ : https://hilight.kapook.com/view/151099

ตามมาตรา 5 คณะกรรมการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ประกอบด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กรรมการโดยตำแหน่ง และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ  

ตามมาตรา 6 กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ที่ได้รับการแต่งตั้งจะต้องมีคุณสมบัติที่เหมาะสม ดังนี้

1.       ต้องเป็นผู้มีสัญชาติไทยและอายุไม่ต่ำกว่า 25 ปีบริบูรณ์
2.       ไม่เป็นผู้ไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
3.       ไม่เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น กรรมการ หรือผู้ดำรงตำแหน่งซึ่งรับผิดชอบการบริหารพรรคการเมือง ที่ปรึกษาพรรคการเมือง หรือเจ้าหน้าที่พรรคการเมือง
4.       ไม่เคยถูกไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ เพราะทุจริตต่อหน้าที่ หรือถูกเลิกจ้างจากหน่วยงานของเอกชนเพราะทุจริตต่อหน้าที่
5.       ไม่เป็นผู้มีความประพฤติเสื่อมเสียหรือบกพร่องในศีลธรรมอันดี

หนังใหญ่
ที่มาภาพ : https://hilight.kapook.com/view/151099

การประกาศการขึ้นทะเบียนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม นับเป็นหนทางหนึ่งในการปกป้องคุ้มครองและเป็นหลักฐานสำคัญของคนไทยที่ประกาศความเป็นเจ้าของมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ในขณะที่ยังไม่มีมาตรการทางกฎหมายที่จะคุ้มครองอย่างชัดเจน ซึ่งจำเป็นต้องมีการเสนอรายการมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม จากชุมชนหรือแหล่งปฏิบัติที่มีการสืบทอดมาอย่างต่อเนื่อง กรมส่งเสริมวัฒนธรรมโดยคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจะพิจารณาข้อมูลที่มีการจัดเก็บและสำรวจจากท้องถิ่น และการพิจารณาคัดเลือกกลั่นกรองตามกระบวนการขั้นตอนและหลักเกณฑ์การพิจารณาขึ้นทะเบียนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม

ประเพณีแห่เทียนพรรษา
ที่มาภาพ : https://hilight.kapook.com/view/151099

ทั้งนี้ มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่ได้รับการขึ้นทะเบียนของชาตินั้นเป็นทั้งรายการที่มีลักษณะเฉพาะในชุมชน ท้องถิ่น ที่เสี่ยงต่อการสูญหายใกล้ ขาดผู้สืบทอด หรือเป็นรายการที่ยังมีผู้สืบทอดและปฏิบัติอยู่ รวมทั้งรายการที่มีอัตลักษณ์ชัดเจนและมีการปฏิบัติสืบทอดโดยทั่วไปหรืออย่างกว้างขวาง  การส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมให้มีประสิทธิภาพ จึงต้องมีมาตรการทางกฎหมายเพื่อให้การทำงานมีความชัดเจนครอบคลุมไปสู่ระดับจังหวัด ระดับชาติ จนถึงระดับนานาชาติ เพื่อช่วยกันรักษาสืบทอดให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมเพื่ออนุชนรุ่นหลังจะได้นำมาศึกษาเรียนรู้ต่อไป





บทความโดย :
Dek-South East Asia


วันศุกร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2562

iTalk4 : Beyond mindset, get growth together (Review)




เครดิตภาพ : iSchoolKKU


iTalk4 : งานเสวนาสร้างสรรค์สำหรับคนพันธุ์ใหม่
Beyond mindset, get growth together  : ก้าวไปข้างหน้าด้วยความคิดที่เหนือกว่า



เมื่อโลกก้าวเข้าสู่ยุคสมัยใหม่ ซึ่งเต็มไปด้วยเทคโนโลยีที่เติบโตและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ ข้อมูล ซึ่งถือเป็นสิ่งที่มีมูลค่ามหาศาลนั้น ส่งผลต่อความเป็นอยู่และความเป็นไปขององค์กรและภาคธุรกิจทั่วโลก ซึ่งนับวันยิ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เครดิตภาพ : iSchoolKKU

เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2562 โครงการสร้างบัณฑิตพันธุ์ใหม่ฯ (iSchool KKU) ได้จัด iTalk4: งานเสวนาสร้างสรรค์สำหรับคนพันธุ์ใหม่ ภายใต้หัวข้อ Beyond mindset, get growth together : ก้าวไปข้างหน้าด้วยความคิดที่เหนือกว่า โดยได้รับเกียรติจาก ดร.วิโรจน์ จิรพัฒนกุล อดีต Data Scientist จาก Facebook และผู้ก่อตั้ง Skooldio บริษัทด้านเทคโนโลยีและเชี่ยวชาญการพัฒนาเทคโนโลยีด้านการศึกษาสมัยใหม่  

ดร.วิโรจน์ ได้ร่วมแบ่งปันประสบการณ์เกี่ยวกับการใช้ข้อมูลในการขับเคลื่อนธุรกิจในองค์กรขนาดใหญ่อย่าง Google, Facebook, Amazon รวมถึงแนวคิดการสร้าง Growth Mindset ซึ่งเป็นแนวคิดที่สำคัญสำหรับคนทำงานและองค์กรต่างๆ ที่อยากปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีในโลกยุคนี้และในอนาคต  ในงานเสวนาครั้งนี้เริ่มด้วยสิ่งที่คนส่วนใหญ่ให้ความสนใจเป็นอย่างมากนั่นคือ Data Science


Data Science คืออะไร ? 

ทำไมคนถึงพูดถึงกันเยอะ สำคัญอย่างไรต่อองค์กรและโลกธุรกิจ ในปัจจุบันมีคนนิยามและพูดถึง Data Science เอาไว้หลากหลายและเป็นเรื่องยากที่จะหานิยามหรือความหมายที่จำเพาะเจาะจงได้ แต่หากลองสรุปจากหลายๆ ที่จะได้ความหมายว่า ศาสตร์แห่งการเก็บและเปลี่ยนแปลงข้อมูลซึ่งนำไปสู่ความรู้

“…ข้อมูลจะมีประโยชน์ก็ต่อเมื่อนำมากลั่นกรองและถูกประมวลผลเป็นสารสนเทศ ก็จะสร้างมูลค่าและเป็นประโยชน์ต่อองค์กรและภาคธุรกิจมากขึ้น…” 

ดร.วิโรจน์ได้กล่าวไว้ ดังนั้น Data Science ถือว่าเป็นเทรนด์ของโลกที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ปริมาณข้อมูลที่ไหลเวียนอยู่บนโลกใบนี้ช่างมีขนาดมหาศาลและเติบโตอย่างก้าวกระโดด องค์กรใดที่มี Big Data และสามารถวิเคราะห์ จัดการข้อมูล ได้อย่างถูกต้อง แม่นยำ องค์กรนั้นย่อมมีความได้เปรียบในการแข่งขัน 
เครดิตภาพ : iSchoolKKU


อีกประเด็นที่น่าสนใจที่ ดร.วิโรจน์ ได้พูดถึงในงานนี้คือ แนวคิดการสร้าง Growth Mindset การที่หลายองค์กรและภาคธุรกิจพยายามหยิบยกเอา Big Data มาใช้ประโยชน์นั้น โดยพื้นฐานทั่วไปสามารถเปลี่ยน Data เพื่อนำมาใช้งานได้ 3 รูปแบบ ได้แก่

1) เปลี่ยน Data ให้เป็น Metric หรือยอดตัวเลขต่างๆ เพื่อให้องค์กรสามารถวัดผลสิ่งที่ทำไปแล้วได้ เมื่อวัดผลได้ก็สามารถปรับปรุงสิ่งที่ทำแล้วไม่ดีหรือไม่เหมาะได้

2) เปลี่ยน Data เป็น Insight
เป็นการต่อยอดจากการวัดผล เป็นการวิเคราะห์สิ่งที่ทำมา เพื่อมองหาสิ่งที่จะทำต่อไป

3) เปลี่ยน Data เป็น Product ใหม่ๆ เพื่อขยายฐานของสินค้าหรือบริการ


เครดิตภาพ : MiND

นอกจากนี้คนพันธุ์ใหม่อย่างนักเรียน นักศึกษา คนในองค์กรหรือผู้ประกอบการทางธุรกิจในด้านต่างๆ สามารถเริ่มต้นเรียนรู้การใช้ Data ได้ดังนี้

1)      การหาสิ่งที่ชอบ  หัดฝึกฝนการตั้งคำถามให้ถูก ถึงจะเก็บและเลือกใช้ Data ได้อย่างเกิดประโยชน์

2)      การหาตัวช่วย เราจำเป็นต้องมีเครื่องมือที่จะช่วยทำให้จัดการและเข้าถึงข้อมูลได้ง่าย

3)      การวางแผน เมื่อเรามีความเข้าใจในการใช้ข้อมูลแล้ว การวางแผนก็เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้สามารถประสานงานกับ Data Team ได้



เครดิตภาพ : MiND


เครดิตภาพ : MiND


ภาพรวมของโครงการสร้างบัณฑิตพันธุ์ใหม่ฯ (iSchool KKU) iTalk4: งานเสวนาสร้างสรรค์สำหรับคนพันธุ์ใหม่ ภายใต้หัวข้อ Beyond mindset, get growth together : ก้าวไปข้างหน้าด้วยความคิดที่เหนือกว่า นับว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก นอกจากผู้เข้าร่วมงานจะได้ทราบถึงความสำคัญของ Data Science ที่มีต่อการทำธุรกิจและองค์กรต่างๆ แล้วยังได้เรียนรู้แนวคิดการประมวลผลข้อมูลให้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ การปูพื้นความรู้และการวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้น เราสามารถนำไปต่อยอดในการใช้งานได้จริง สิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้เราสามารถคาดการณ์เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้เป็นอย่างดี รวมถึงสามารถนำ ข้อมูลเหล่านั้นไปใช้เป็นเครื่องมือเพื่อสร้าง คุณค่าซึ่งนำไปสู่การตัดสินใจ วางแผน กำหนดทิศทางการดำเนินธุรกิจในอนาคตได้ดียิ่งขึ้น





บทความโดย :

Dek-South East Asia



วันศุกร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2562

WIL Experience : Into The Real World (Review)





WIL Experience : Into The Real World
การเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่โลกของการทำงานจริง

หลายคนอาจจะคุ้นชินกับโลกที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทกับชีวิตเราและสิ่งหนึ่งที่พูดกันเสมอๆ คือเรื่องของ ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21” ที่เราจำเป็นต้องเรียนรู้เพื่อปรับตัวในปัจจุบันและเตรียมตัวสำหรับอนาคต และแน่นอนว่าสำหรับความกังวลใจของนักศึกษาจบใหม่มักวนเวียนอยู่ไม่กี่เรื่อง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ การกลัวจบมาแล้วจะไม่มีงานทำ เพราะต่างไม่มั่นใจกับประสบการณ์ที่ยังไม่มี โดยเฉพาะปัจจุบันมีหลายบริษัทมักต้องการคนที่มีประสบการณ์มากกว่า

          เมื่อวันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2562 ที่ผ่านมา หลักสูตรสารสนเทศศาสตรบัณฑิต คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น (iSchool KKU) ได้จัดโครงการ WIL Experience : Into The Real World การเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่โลกของการทำงานจริง เพื่อเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้รับความรู้เกี่ยวกับทักษะการทำงานจากประสบการณ์ตรงของวิทยากร และยังได้ลงมือปฏิบัติจริงในกิจกรรม Workshop ซึ่งทำให้นักศึกษามีความมั่นใจในการเข้าสู่โลกของการทำงานในยุคศตวรรษที่ 21

วิทยากรจากแผนก HR ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา
คุณจันทิมา อุไรไพรวัน และ คุณปิยภัทร ไพบูลย์สุขเกษ

ทั้งนี้ คุณจันทิมา อุไรไพรวัน และ คุณปิยภัทร ไพบูลย์สุขเกษ ซึ่งเป็นวิทยากรจากแผนก HR ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา ส่วนหนึ่งได้กล่าวถึงทักษะการทำงานที่บริษัททั่วโลกต้องการนั่นคือ Soft Skills และ Hard Skills ซึ่ง Soft Skills (ทักษะด้านอารมณ์) ได้แก่ ความคิดสร้างสรรค์ การพูดโน้มน้าว การปรับต้ว การบริหารเวลา และการทำงานร่วมกับผู้อื่นที่ถือว่าสำคัญที่สุดโดย Soft Skills จะต้องอาศัยประสบการณ์การลงมือซึ่งต้องอาศัยการเรียนรู้นอกห้องเรียนเป็นหลัก ส่วน Hard Skills (ทักษะด้านความรู้) ได้แก่ การใช้งานระบบคลาวด์ การใช้ปัญญาประดิษฐ์ การวิเคราะห์เชิงเหตุผล การบริหารบุคคล รวมถึงทักษะการออกแบบ UX/UI เหล่านี้คือทักษะที่เราใช้ในการทำงานซึ่งเราสามารถเรียนรู้ได้เรื่อยๆ ผ่านการเรียนในห้องเรียนหรือการเรียนรู้ด้วยตัวเอง 

นอกจากนี้นักศึกษายังได้ฟังแนวคิดของการเป็นผู้ประกอบการที่ทันโลกโดย คุณพิน เกษมศิริ ซึ่งเป็น CEO ของบริษัท CareerVisa Thailand สตาร์ทอัพเพื่อสังคมที่มีความเชี่ยวชาญด้านตลาดแรงงานบัณฑิตใหม่ และการเติบโตตามสายอาชีพ โดยได้กล่าวว่า การเลือกงานไม่เหมือนการเลือกมหาวิทยาลัย เพราะงานคือส่วนหนึ่งของชีวิตเรา อยู่กับเราไปตลอดและเราไม่ควรเลือกงานที่เราคิดว่าเก่ง แต่ควรเลือกงานที่เราชอบเพราะความชอบจะทำให้เรามีโอกาสพัฒนาและไปได้ไกลจนประสบความสำเร็จมากกว่า ต่างกับการเลือกมหาวิทยาลัยที่เป็นเพียงเศษเสี้ยวความรู้ที่เราต้องเก็บสะสมไว้ใช้ในการทำงานจริง ทั้งนี้การรู้จุดแข็ง-จุดอ่อนของตนเอง ถือเป็นสิ่งสำคัญที่นำเราไปสู่การรู้จักตัวเอง รู้จักเป้าหมายและรู้จักวิธีการสื่อสารที่ถูกต้อง

จุดแข็งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากตัวเราเอง เช่น ทักษะที่ถนัดที่สุดหรือสิ่งที่คิดว่าเราทำได้โดดเด่นกว่าคนอื่น ส่วนจุดอ่อน มักจะเป็นสิ่งที่คนทั่วไปไม่เคยสังเกต หรืออาจจะกลัวที่จะต้องรับรู้ว่าตัวเรานั้นมีข้อด้อยอะไรบ้าง หลายคนกลับปล่อยจุดอ่อนตัวเองไว้แทนที่จะหาจุดอ่อนให้เจอและพยายามปรับปรุงเพื่อลบจุดด้อยนั้นออกไป ซึ่งหลายครั้งจุดอ่อนเหล่านี้ยังเป็นตัวฉุดไม่ให้เราประสบความสำเร็จในการทำงานด้วย เราจึงต้องหาจุดอ่อนของตัวเองให้เจอ
CEO บริษัท CareerVisa Thailand  : คุณพิน เกษมศิริ

        ภาพรวมของโครงการ
WIL Experience : Into The Real World การเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่โลกของการทำงานจริง นับว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เพราะการเพิ่มความรู้หรือทักษะใหม่ๆ ในการทำงานมีความจำเป็นอย่างมากในยุคนี้ การมีทักษะหรือความสามารถเดียวอาจไม่เพียงพอให้เราเดินไปถึงเป้าหมายในอาชีพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัจจุบันที่เทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันตั้งแต่เช้าจรดเย็น มองไปทางไหนก็พบเจอแต่ความสะดวกสบาย มิหนำซ้ำเทคโนโลยีก็มีการพัฒนาอย่างไม่มีวันสิ้นสุด ดังนั้นควรเปิดโอกาสให้ตนเองได้ทดลองฝึกฝนหรือพัฒนาทักษะใหม่ๆ อยู่เสมอ โดยเฉพาะทักษะด้าน ICT ที่เปรียบเสมือนทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 เพราะถ้าหากเรามีทักษะนี้ เท่ากับว่าเรามีใบเบิกทางสู่การทำงานแล้วแน่นอน





บทความ
Dek-South East Asia