ที่มาภาพ : http://live.siammedia.org/index.php/news/usa-news/45191 |
กลไกการระงับข้อพิพาทระหว่างประเทศ
ในอดีตการระงับข้อพิพาททางกฎหมายมีอยู่
2
วิธีคือ การทำสงครามและสันติวิธี
แต่ในปัจจุบันการระงับข้อพิพาทโดยการทำสงคราม
ได้มีการห้ามไว้ในสนธิสัญญาปารีสฉบับปี 1928 โดยระบุถึงการยกเลิกการทำสงครามรุกรานและห้ามใช้สงครามเป็นตราศาลนโยบายแห่งชาติ
เว้นแต่ในกรณีที่จะป้องกันตนเองเท่านั้น
โดยวิธีการระงับข้อพิพาทในปัจจุบันที่เป็นที่ยอมรับกัน คือ การระงับข้อพิพาทโดยสันติวิธี
โดยสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 แบบ คือ
1. การระงับข้อพิพาทระหว่างประเทศโดยวิธีการที่ไม่มีลักษณะทางตุลาการ
หรือ วิธีทางการทูต ซึ่งวิธีนี้รัฐสามารถเข้ามาระงับข้อพิพาทกันเองได้
โดยใช้วิธีการเจรจา การไกล่เกลี่ย การประนีประนอม เป็นต้น
-การใช้วิธีเจรจา
-การไกล่เกลี่ย
Mediation
or Good Office ฝ่ายที่สามเข้ามามีส่วนร่วม
ข้อเสนอไม่ผูกพันกับข้อพิพาท ฝ่ายที่สาม (บุคคลหนึ่งคน หรือหลายบุคคล รัฐ
หรือองค์การระหว่างประเทศ) เข้ามาเอื้ออำนวยให้คู่กรณีเจรจากันเพื่อระงับข้อพิพาท mediation
มีนัยว่าฝ่ายที่สามเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการเจรจาด้วย ในขณะที่ good offices เกิดขึ้นเมื่อฝ่ายที่สามพยายามจัดให้คู่กรณีเจรจากัน
-การประนีประนอม Conciliation ผู้ประนีประนอมต้องเข้าร่วมด้วย แต่ต้องหาข้อเท็จจริง
2. การระงับข้อพิพาทระหว่างประเทศโดยวิธีการที่มีลักษณะทางตุลาการ
หรือ วิธีศาล ในกรณีนี้สามารถทำได้ 2 วิธี
คือ การใช้อนุญาโตตุลาการในการตัดสิน และ
การใช้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในการตัดสิน
ที่มาภาพ : https://epthinktank.eu/tag/isds/ |
การใช้อนุญาโตตุลาการในการตัดสิน
การอนุญาโตตุลาการ
เป็นวิธีการระงับข้อพิพาทวิธีหนึ่ง ซึ่งเกิดจากความสมัครใจของคู่พิพาทตกลงกัน
ให้อนุญาโตตุลาการเป็นผู้ตัดสินชี้ขาดข้อพิพาทที่เกิดขึ้นระหว่างกัน
โดยคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ จะมีผลผูกพันให้คู่พิพาทต้องปฏิบัติตาม
สัญญาที่สามารถระงับได้โดยการอนุญาโตตุลาการ
การทำสัญญานั้นไม่ว่าจะเป็นสัญญาด้านการค้าและการลงทุน สัญญาซื้อขาย สัญญาเช่า
สัญญารับเหงาก่อสร้าง สัญญาประกันภัย สัญญาเกี่ยวกับหุ้นส่วนบริษัท เป็นต้น
หากมีข้อพิพาทเกิดขึ้น คู่สัญญาสามารถตกลงด้วยวิธีการอนุญาโตตุลาการ
โดยอาจทำเป็นข้อสัญญาหนึ่งในสัญญาหลักหรือเป็นสัญญาอนุญาโตตุลาการแยกต่างหากก็ได้
เมื่อมีข้อสัญญาแล้วคู่พิพาทก็ดำเนินการดำเนินข้อพิพาทได้
โดยอนุญาโตตุลาการที่ได้รับการเสนอชื่อและแต่งตั้งต้องมีความอิสระและเป็นกลาง
รวมถึงมีความพร้อมที่จะปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
**กลไกการระงับข้อพิพาทระหว่างรัฐกับเอกชน
ISDS
โดยหลักการแล้วกลไกนี้มีไว้เพื่อสร้างความมั่นใจให้นักลงทุนต่างชาติว่า
เมื่อเขาเข้ามาลงทุนในประเทศของเราแล้ว รัฐบาลของเราจะไม่ไปรังแกเขา
เมื่อเขามั่นใจมากขึ้นก็จะเข้ามาลงทุนมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น นักลงทุนจากสหภาพยุโรปหอบเงินลงทุนมาตั้งโรงงานในไทย
ถ้าอยู่ๆ รัฐของเราไปเขา เขาก็สามารถไปฟ้องร้องได้
แต่เขาอาจจะไม่มั่นใจในกระบวนการยุติธรรมของเราหรืออยากให้เรื่องจบเร็วๆ
ก็ไปฟ้องผ่านกลไกล ISDS นี้ได้โดยไม่ต้องผ่านศาลไทยและไม่เสียเวลาด้วย
ซึ่งวิธีการก็คือ การไปใช้อนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ
ที่มีเงื่อนไขว่าการตัดสินใจของอนุญาโตตุลาการถือเป็นที่สิ้นสุด
คู่กรณีต้องทำตามไม่ว่าผลนั้นจะเป็นอย่างไร
โดยกลไกอนุญาโตตุลาการนี้จะเป็นการตัดสินใจของคนสามคน ประกอบด้วย นักลงทุน 1
คน รัฐบาล 1 คนและคนที่สามก็คือคนที่ทั้งสองฝ่ายตกลงร่วมกัน
ทั้งสามคนนี้จะเป็นผู้ตัดสิน โดยประชุมลับกัน ศึกษาตัวสัญญา
แล้วตัดสินว่ารัฐบาลผิดหรือไม่ และถ้าผิดแล้วจะต้องถูกลงโทษอย่างไร
จ่ายค่าเสียหายเท่าไหร่
ที่มาภาพ : http://popcornfor2.com/content/เปิดคำแถลงด้วยวาจาของกัมพูชาต่อศาลโลก-คดีปราสาทพระวิหาร-news-31777 |
การใช้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในการตัดสิน
ซึ่งศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลก
จัดตั้งขึ้นโดยกฎบัตรสหประชาชาติ
มีเขตอำนาจและหน้าที่ตามที่บัญญัติไว้ในศาลรัฐธรรมนูญระหว่างประเทศ โดยมีหน้าที่
1.
ตัดสินคดีข้อพิพาทระหว่างรัฐบาล
รัฐภาคี ที่เป็นสมาชิกขององค์การสหประชาชาติหรือ UN และเป็นประเทศที่ยอมรับอำนาจของศาลโลก
2.
การวินิจฉัย
ตีความและให้คำปรึกษา ในประเด็นปัญหาข้อกฎหมายให้แก่องค์การระหว่างประเทศที่ยอมรับอำนาจของศาลโลก
การเข้ามามีบทบาทของศาลโลก
ศาลโลกจะเข้ามามีบทบาทเมื่อเกิดข้อพิพาทตั้งสองประเทศขึ้นไป
ยกตัวอย่างเรื่องข้อพิพาทของดินแดนและอาณาเขตของรัฐ การละเมิดอำนาจของรัฐ เช่น
กรณีข้อพาทปราสาทเขาพระวิหารระหว่างไทย-กัมพูชา โดยข้อพิพาทนี้ได้นำขึ้นสู่ศาลโลกโดยได้รับคำยินยอมของทั้งสองประเทศ
ทั้งนี้ประเทศที่เกี่ยวข้องจะต้องยินยอมอำนาจของศาลให้เป็นผู้ตัดสินพิจารณาคดีนั้นก่อน
ศาลจึงจะมีอำนาจในการพิจารณาตัดสินคดีนั้น
และศาลโลกจะมีหน้าที่ในการพิจารณาเฉพาะเรื่องที่เป็นประเด็นระหว่างประเทศเท่านั้น
นอกจากนี้ศาลโลกยังมีอำนาจวินิจฉัยเพื่อให้ความเห็น
เกี่ยวกับประเด็นปัญหาทางกฎหมายระหว่างประเทศอีกด้วย
ทั้งนี้ผลของคำวินิจฉัยของศาลโลก
ย่อมมีผลผูกพันกับคู่พิพาทในส่วนที่เกี่ยวกับประเด็นที่พิพาทนั้นและถือเป็นที่สิ้นสุดโดยไม่มีการอุธรใดๆ