หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2561

50 ปีกับการสร้างชาติสิงคโปร์



ที่มาภาพ : https://prachatai.com/journal/2015/03/58556


        ในปี 1948 อังกฤษตั้งสหพันธรัฐมลายา โดยรวมรัฐบนคาบสมุทรมลายูทั้งหมดยกเว้นสิงคโปร์จะมีสถานะเป็นอาณานิคมเนื่องจากเป็นท่าเรือและฐานทัพของอังกฤษ   เมื่อตนกู อับดุล ราห์มานเป็นนายกของมาเลเซียจึงได้ประกาศเเนวคิดที่จะรวมสิงคโปร์เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของมาเลเซีย  เพราะเชื่อว่าเป็นวิธีป้องกันสิงคโปร์ไม่ให้ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลคอมมิวนิสต์และทำให้ฐานเศรษฐกิจมีความแข็งแกร่งกว่าเดิม  

       พรรคกิจประชา(PAP) ที่ถูกก่อตั้งโดยนายลี กวน ยิว ก็สนับสนุนนโยบายนี้เนื่องจากการที่สิงคโปร์เป็นท่าเรือและไม่มีทรัพยากรธรรมชาติเพียงพอต่อประชากรในประเทศ  การที่สิงคโปร์ได้รวมเป็นหนึ่งกับสหพันธรัฐมาเลเซียจะทำให้สิงคโปร์สามารถบริหารจัดการทุกอย่างได้ด้วยตนเองและต้องการหลุดพ้นจากการปกครองของอังกฤษเช่นกัน



ลี กวน ยิว
ที่มาภาพ : http://www.softbankthai.com/Article/Detail/915

       หลังจากรวมประเทศกันได้ 1 ปี 11 เดือน ตนกู อับดุล ราห์มานได้ประกาศแยกสิงคโปร์ออกจากสหพันธรัฐมาเลเซีย ในวันที่ 9 สิงหาคม 1965  ด้วยสาเหตุสามประการคือ ด้านเศรษฐกิจ สิงคโปร์สนใจตลาดร่วมแต่มาเลเซียปฏิเสธ  ด้านการเมือง พรรคกิจประชา(PAP) ถูกกีดกันไม่ให้มีอำนาจและถูกมองว่าเป็นภัยคุกคามต่อมาเลเซีย  ด้านเชื้อชาติ  สิงคโปร์ส่วนใหญ่เป็นชาวจีน มาเลเซียกลัวเรื่องคอมมิวนิสต์จากจีนและเคยเกิดเหตุจลาจลด้านเชื้อชาติถึง 2 ครั้ง


จากวันนั้นถึงวันนี้
ที่มาภาพ : http://www.thailandindustry.com/onlinemag/view2.php?id
=312&section=30&issues=23


      อย่างไรก็ตามหลังจากถูกขับออกจากสหพันธรัฐมาเลเซีย ลี กวน ยิว ได้ใช้เวลาสร้างประเทศโดยใช้เวลาเพียง 50  ปี  คือ  ทำให้นานาประเทศยอมรับและเป็นสมาชิกของสหประชาชาติ  สร้างกองทัพที่เข้มแข็งและดำเนินนโยบายเศรษฐกิจที่มั่นคงภายใต้ทุนนิยมเสรี  ในด้านการเมืองของสิงคโปร์มีการปกครองเพียงพรรคเดียวคือ พรรคกิจประชา (PAP) มีนายลี กวน ยิว เป็นผู้นำคนแรก

      การปกครองด้วยระบอบพรรคการเมืองเดียวทำให้สิงคโปร์ไม่ถูกแทรกแซงโดยทหารและมีความมั่นคงทางการเมือง  มีการส่งเริมความเท่าเทียมในเรื่องภาษาโดยกำหนดให้มีภาษาราชการ 2 ภาษา คือ ภาษาอังกฤษและภาษาแม่ ( มลายู จีน ทมิฬ ) ให้ชายสิงคโปร์เกณฑ์ทหาร  สร้างเมืองอุตสาหกรรม  ควบคุมประชากรภายในประเทศด้วยนโยบาย Stop-At-Two ให้ความสำคัญกับการศึกษา เน้นการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เนื่องจากสิงคโปร์เป็นประเทศเล็กๆ ไม่มีทรัพยากรธรรมชาติจึงจำเป็นต้องพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด 


ที่มาภาพ : http://www.banprujud.ac.th/index.php/2015-11-03


      โดยการหลอมรวมความเป็นหนึ่งเดียวกันทางเชื้อชาติของสิงคโปร์จะผ่านทางการศึกษา ทั้งนี้แม้ว่าสิงคโปร์จะมีเสถียรภาพทางการเมืองด้วยระบอบพรรคเดียว ทำให้เกิดข้อกังขา/ไม่มีสิทธิแสดงความคิดเห็นทางการเมืองและมีอำนาจเบ็ดเสร็จในควบคุมสื่อทุกชนิดที่มีเเนวโน้มเป็นภัยต่อรัฐ  แต่รัฐบาลก็พยายามผ่อนคลายความตรึงเครียดด้วยการจัด Speaker's Corner ในสวนสาธารณะเพื่อให้ประชาชนพูดในสิ่งที่อยากพูดหรือแสดงควาคิดเห็นต่อรัฐบาลได้






บทความ :  Dek-South East 



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น